วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑ เวลา ๑๓.๐๐ น. ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี โปรดให้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดย รองศาตราจารย์ นายแพทย์องค์การ เรืองรัตนอัมพร ผู้ช่วยเลขาธิการราชวิทยาลัย จุฬาภรณ์ เชิญถ้วยรางวัลพระราชทาน งานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เดิน วิ่งการกุศล ครั้งที่ ๒ สานต่อพระปณิธานสู่สานพลังใจ ผสานความร่วมมือ ๔ ภาค ภายใต้แนวคิด “สี่-สมาน เดินวิ่งวิถีไทย” เพื่อผู้ป่วยมะเร็งทั่วประเทศ โดยมี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นผู้แทนรับถ้วยพระราชทาน หน้าพระรูปศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติจุฬาภรณ์ ชั้น ๗ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ดราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เดิน-วิ่ง การกุศลครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี น้อมสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และแสดงออกถึงเจตนารมณ์ของการสืบสานพระปณิธานการจัดตั้งโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง โดยเฉพาะผู้ป่วยยากไร้และด้อยโอกาส อีกทั้งยังเป็น การจัดหารายได้ เพื่อสมทบทุนช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งด้อยโอกาสใน ๔ โรงพยาบาลตามภาคของผู้สมัครให้ได้รับการรักษาพยาบาล ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน รูปแบบการจัดงานเดิน-วิ่งการกุศล จะเป็นการรวมพลังคนไทย ก้าวพร้อมกัน ๔ ภาค หรือหมายถึงการออกตัวของนักวิ่ง พร้อมทั้ง ๔ จังหวัด ในวันอาทิตย์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน 2561 โดยผู้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมสามารถเลือกเส้นทางเดินวิ่งตามแบบวิถีไทยในแต่ละภาค ได้แก่ ภาคกลาง-กรุงเทพมหานคร ณ อาคารศูนย์การแพทย์มะเร็งวิทยาจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ หลักสี่ ภาคเหนือ-จังหวัดเชียงใหม่ ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ภาคอีสาน-จังหวัดร้อยเอ็ด ณ บึงพลาญชัย และภาคใต้-จังหวัดสุราษฎร์ธานี ณ สนามกีฬากลางสุราษฎร์ธานีโดยนักวิ่งชายและหญิงที่วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกในระยะการวิ่งฮาล์ฟมาราธอนและมินิมาราธอนของแต่ละภาคจะได้รับรางวัลเกียรติยศถ้วยรางวัลพระราชทาน ศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี รวมจำนวน ๑๖ รางวัล (ภาคละ ๔ รางวัล) ทั้งนี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จะได้เชิญถ้วยรางวัลพระราชทาน งานเดิน วิ่งการกุศล ครั้งที่ ๒ นี้ ไปยังจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อไป

อุไรพรณ์ ทิดจันทึก : บรรณาธิการ / สุกัญญา ขาวศรี : ผู้เขียนข่าว / โรงพยาบาลร้อยเอ็ด / ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑

• ก่อนหน้า
• ต่อไป